Beer RSS

เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ปวดหัวเสียเหลือเกินเมื่อเดินเข้าไปในร้านเบียร์แล้วไม่รู้ว่าจะเลือกดื่มเบียร์อะไรดี ?? ปัญหานี้มักเกิดขึ้นเสมอๆ กับเพื่อนๆ นักดื่มหน้าใหม่ที่อาจจะยังไม่รู้จักสไตล์ของเบียร์แต่ละตัวดีมากนัก หรือยังไม่รู้แน่ๆ ว่าเราชอบเบียร์อะไร แต่ก็ไม่ใช่ว่านักดื่มสายแข็งจะไม่เกิดปัญหานี้ เพราะแม้ว่าเราจะเป็นนักดื่มสายแข็งที่ดื่มเบียร์มาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำก็ตาม แต่ในบางครั้งเราก็อาจเกิดภาวะสุญญากาศ นึกไม่ออกว่าจะดื่มเบียร์อะไรก็เป็นได้ ดังนั้นวันนี้เราขอนำเสนอวิธีการง่ายๆ สำหรับทั้งนักดื่มหน้าใหม่รวมไปถึงนักดื่มสายแข็ง ในการเลือกเบียร์ให้ถูกใจและเหมาะสมกับการสังสรรค์ในค่ำคืน โดยเราขอเริ่มที่นักดื่มหน้าใหม่กันก่อน ซึ่งโดยปกติแล้วนักดื่มหน้าใหม่จะเข้าสู่วงการเบียร์ทางเลือกจาก Wheat Beer (เช่น Hoegaarden) ทั้งจากเยอรมนีและเบลเยียม เพราะเป็นที่นิยม หาง่ายและรสชาติก็เข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย แต่หากคุณอยากลองอะไรที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เราอยากให้คุณลองถามหาเบียร์สไตล์ Pale Ale (เช่น Day Of The Dead Blond Ale) ไม่ว่าจะเป็น English Pale Ale (เช่น Primator English Pale Ale) หรือ American Pale Ale (เช่น Lervig Lucky Jack) ก็ได้ แต่จะมีจุดแตกต่างของเบียร์ทั้ง 2 ประเภทเล็กน้อยคือ English Pale Ale จะเน้นกลิ่นและรสชาติของมอลต์ ส่วน American Pale Ale จะให้กลิ่นและรสของฮอปส์ที่มากกว่า หากคุณเบื่อเบียร์สีเหลืองทองแล้วอยากลองเบียร์สีเข้มกันบ้าง เราแนะนำให้คุณลองสั่งเบียร์ Dubbel (เช่น Rochefort 6) จากเบลเยียม หรือ Dunkel (เช่น Weihenstephaner Bavarian Dark) จากเยอรมนีมาลองก็น่าสนใจดี เพราะรสชาติและระดับแอลกอฮอล์จะไม่เข้าถึงยากจนเกินไป หรืออาจขยับมาลองเป็นเบียร์ในกลุ่ม Stout ที่เรียกว่า Dry Stout อย่าง Guinness หรือ Murphy’s Stout ก็น่าสนใจเพราะเบียร์จะมีการใช้ก๊าซไนโตรเจนเข้ามาช่วยทำให้ฟองเบียร์มีความหนานุ่มคล้ายครีมนมในกาแฟ ทำให้ได้รสชาตินุ่มละมุ่นเป็นอยากยิ่ง แต่หากใครที่อยากชกข้ามรุ่นไปลองเบียร์ที่แรงขึ้นมาหน่อย เราขอแนะนำเบียร์สไตล์ Weizenbock (เช่น Schneider Weisse Tap 6) จากเยอรมัน หรือ Tripel จากเบลเยียมซึ่งจะมีระดับแอลกอฮอล์ที่สูงมากขึ้น แต่ยังคงรสชาติที่นุ่มนวล แต่ก็เมาเอาเรื่องนะครับ ส่วนนักดื่มสายแข็ง ซึ่งเราเชื่อว่าคุณน่าจะผ่านสมรภูมิมาพอสมควร...

Read more

หากเราลองถามนักดื่มทั่วโลกว่าสไตล์เบียร์อะไรบ้างที่ชื่นชอบ เราเชื่อว่า IPA คงเป็นหนึ่งในสไตล์เบียร์อันดับต้นๆ ที่ถูกพูดถึงแน่นอน เพราะด้วยกลิ่นและรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ อันเกิดจากการใส่ “ฮอปส์” เจ้าดอกไม้เล็กๆ สีเขียว ที่แสนจะทรงอานุภาพจนเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์เบียร์ในช่วง 50 ปีหลังอย่างชัดเจน ซึ่งหากใครได้ลิ้มลองรสชาติของเจ้าดอกไม้นี้แล้วเชื่อว่าคงยากที่จะถอนใจ แต่ก็เหมือนกันหลายๆ อย่างในชีวิตที่เมื่อเราชื่นชอบหลงใหลเข้าให้แล้ว ก็จะยิ่งอยากจะเพิ่มปริมาณมากยิ่งขึ้น ส่วนหนึ่งก็คงเป็นเพราะความคุ้นเคยในรสขมๆ อันทรงเสน่ห์ แต่อีกส่วนก็คงเพื่อสนองความสะใจ เพราะเมื่อยิ่งดื่มเบียร์มากขึ้นเท่าไหร่ภูมิคุ้มกันร่างกายก็จะถูกปรับให้ทนทานต่อรสขมมากยิ่ง นั้นทำให้มีผู้ผลิตบางเจ้าเริ่มทะลายกำแพงเดิมๆ แล้วทดลองผลิตเบียร์ที่มีความขมที่มากจนยากหยั่งถึง จนแม้แต่เราเองก็ไม่เชื่อว่าจะมีเบียร์อะไรขมได้ขนาดนี้ วันนี้ Wishbros ขอพาเพื่อนๆ ไปรู้จักกับ 10 อันดับเบียร์ที่มีรสขมมากที่สุดในโลก  แต่ก่อนอื่นเราขอทำความเข้าใจเรื่องของ “รสขม” ในเบียร์ก่อนว่าเกิดจากอะไรและมีหน่วยมาตรฐานที่ใช้วัดกันอย่างไร โดยเริ่มจากรสขมในเบียร์นั้นเกิดจากการใส่ดอกฮอปส์ลงไปในขั้นตอนการผลิตเบียร์ โดยในอดีตนั้นทำเพื่อสร้างสมดุลเรื่องรสชาติระหว่างรสหวานกับรสขม เพิ่มกลิ่นหอมสดชื่น และก็มีส่วนช่วยในการยืดอายุของเบียร์ให้นานยิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบันฮอปส์ถูกใส่ลงในเบียร์เพื่อรสขม และการแต่งกลิ่น เป็นส่วนใหญ่ โดยค่าความขมของเบียร์จะมีหน่วยมาตรฐานที่เรียกว่า IBU (International Bitterness Unit) ซึ่งโดยปกติจะมีค่ามาตรฐานอยู่ที่ 0-150 IBU ยกตัวอย่างเช่น เบียร์ไทยอย่างเบียร์สิงห์จะมีค่า IBU อยู่ที่ 20 ส่วนเบียร์ IPA ชื่อก้องโลกอย่าง Brewdog Punk IPA มีค่า IBU อยู่ที่ 50 แต่ความขมระดับนี้หากเปรียบเทียบกับ 10 เบียร์ที่อยู่ในลิสต์ของเราวันนี้แล้ว จะถือว่าเป็นเบียร์จืดไปเลยก็ว่าได้   อันดับ 10 Brokreacja: My Name is IBU (ABV 8.1%) เริ่มตัวแรกด้วยเบียร์จากประเทศโปแลนด์ ที่มีค่าความขมอยู่ที่ 1,000 IBU หรือขมกว่าสิงห์ถึง 50 เท่า ตัวเบียร์เป็นสไตล์ Imperial IPA ที่ใช้ฮอปส์ 4 สายพันธุ์ Tomahawk, Magnum, Citra, Simcoe แค่ได้ยินชื่อฮอปส์ก็รู้เลยว่าต้องหอมมาก แต่เรื่องรสชาติเราไม่ขอออกความเห็นครับ      อันดับ 9...

Read more

http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1438177627 ไทยเบฟฯจัดทัพเบียร์ระลอกใหม่ เตรียมเลิกขาย "ช้าง เอ็กซ์พอร์ต" หันโฟกัส "ช้าง คลาสสิค" หวังขยายฐานคอเบียร์ระดับเบียร์ช้างแมส ทยอยแจ้งยี่ปั๊วซาปั๊ว วงในชี้หวนดึง "เฟดเดอบรอย" กลับมาลุยเบียร์พรีเมี่ยมอีกรอบแหล่งข่าวจากวงการเหล้า-เบียร์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่าไทยเบฟฯได้แจ้งกับผู้แทนจำหน่ายประจำภูมิภาคต่าง ๆ ว่า บริษัทจะยกเลิกผลิตเบียร์ช้าง เอ็กซ์พอร์ต ซึ่งปัจจุบันมีสินค้าเดิมที่เหลืออยู่ในสต๊อกจำนวนหนึ่ง และจากนี้ไปจะส่งให้เฉพาะร้านค้าที่เป็นโมเดิร์นเทรด คือ บิ๊กซี แม็คโคร เทสโก้ โลตัส เท่านั้น ส่วนช่องทางเทรดิชั่นนอลเทรด และร้านค้าปลีกรายย่อยจะไม่ส่งสินค้าแล้ว ซึ่งตอนนี้บริษัทได้เริ่มเคลียร์สินค้าแล้ว คาดว่าสินค้าในสต๊อกดังกล่าวไม่ถึงสิ้นปีก็จะหมดแล้ว"ไทยเบฟฯเตรียมที่จะเลิกทำตลาดช้าง เอ็กซ์พอร์ตนี้ เป็นที่รับรู้ในวงการมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ในแง่ของรายละเอียดนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัด ซึ่งที่ผ่านมาไทยเบฟฯได้แจ้งให้ผู้แทนจำหน่ายได้ทราบเรื่องนี้แล้ว และทำให้ยี่ปั๊วซาปั๊วหลาย ๆ รายเริ่มระบายช้าง เอ็กซ์พอร์ต (ขวด) ที่มีอยู่ในสต๊อกออกไป" นอกจากนี้ คาดการณ์ว่าไทยเบฟฯอาจจะหันกลับมาทำตลาดเบียร์พรีเมี่ยมในขวดเขียวใหม่อีกครั้งหนึ่ง จากก่อนหน้านี้ที่เคยทำตลาดเฟดเดอบรอย แต่มาระยะหลัง ๆ ได้หันมาเน้นการทำตลาดในลักษณะที่เป็นนิชมาร์เก็ตมากขึ้น และปัจจุบันวางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตหลายค่าย อาทิ โฮมเฟรชมาร์ท ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นต้นประเด็นดังกล่าว แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) เจ้าของเบียร์ช้าง ได้ตอบข้อสอบถาม "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาการทำตลาดของเบียร์ช้างใหม่ โดยแนวทางหนึ่งที่วางไว้คือ การอาจจะยกเลิกการทำตลาดช้าง เอ็กซ์พอร์ต และจะหันไปโฟกัสกับสินค้าหลัก ช้างคลาสสิค ที่สร้างรายได้หลักให้กับธุรกิจเบียร์ของบริษัท นอกจากนี้ อาจมีการปรับลดดีกรีใหม่ให้อ่อนลง เพื่อขยายฐานจับกลุ่มลูกค้าที่กว้าง เพราะปัจจุบันคนไทยส่วนใหญ่นิยมดื่มเบียร์ที่ดีกรีไม่เข้มข้นมากนัก ในขณะที่ตลาดเบียร์ดีกรีเข้มข้นมีสัดส่วนที่เล็กกว่ามากสอดคล้องกับแหล่งข่าวในวงการเครื่องดื่ม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ปัจจุบันเบียร์ช้างที่ทำตลาดอยู่ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งช้าง คลาสสิค, ช้าง ไลท์, ช้าง ดราฟท์, ช้าง เอ็กซ์พอร์ต, เบียร์ อาชา และเฟดเดอบรอย ซึ่งแต่ละตัวก็จะมีขวดใหญ่ ขวดเล็ก กระป๋อง จึงทำให้มีความซ้ำซ้อนกันมาก โดยเฉพาะในแง่ของราคาที่แทบจะไม่ต่างกัน โดยช้าง คลาสสิค ช้าง ไลท์ ช้าง ดราฟท์ ชนิดขวดใหญ่ ราคา 53...

Read more

เบียร์เป็นหนึ่งเครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยเราเชื่อว่าเบียร์เป็นเครื่องดื่มที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่มนุษย์เป็นผู้ผลิตขึ้นเพื่อดื่ม ประเด็นนี้มีข้อถกเถียงกันพอสมควรระหว่าง เบียร์กับไวน์ แต่เราเชื่อว่าเบียร์น่าจะชนะเพราะตั้งแต่ในยุคโบราณมนุษย์บริโภคธัญพืชต่างๆ เป็นอาหาร ไม่ใช่องุ่น และเบียร์ก็เป็นผลผลิตจากความผิดพลาดในการเก็บธัญพืช แม้ว่าเบียร์ในยุคโบราณจะไม่เหมือนเบียร์ในยุคปัจจุบันก็ตาม แต่เมื่อเวลาผ่านไปเบียร์ก็มีวิวัฒนาการตามการพัฒนาการของมนุษย์ โดยมีการค้นพบหลักฐานการบันทึกสูตรการทำเบียร์ลงบนแผ่นหิน หรือที่เรียกกันว่า “Beer Stone” ในยุคเมโสโปเตเมีย และต่อมาในยุคอียิปห์โบราณก็มีการบันทึกสูตรในการผลิตเครื่องดื่มที่ใช้มอลต์เป็นส่วนผสมหลัก ทั้งยังเพิ่มน้ำผึ้ง หญ้าฝรั่น และสมุนไพร เพื่อปรุงแต่งกลิ่นและรสชาติอีกด้วย นั้นยิ่งทำให้เราเชื่อว่า “เบียร์เป็นเครื่องดื่มที่สุดแสนจะคลาสสิก” วันนี้เราจึงอยากขอนำเสนอ 8 โรงเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่ยังคงเดินสายผลิตเบียร์รสชาติเยี่ยมออกมาให้เราเหล่าสาวกได้ดื่มกัน แต่ความเก่าแก่ ไม่ได้การันตีถึงรสชาตินะครับ อร่อยหรือไม่เพื่อนๆคงต้องไปเสาะหาลิ้มรสกันเอาเอง                   อันดับ 8 St James’s Gate Brewery (Dublin, Ireland)                   St James’s Gate Brewery ก่อตั้งในปี ค.ศ. 1759 โดยโรงเบียร์แห่งนี้เป็นบ้านของเบียร์ Stout ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอย่าง “Guinness” ปัจจุบันโรงเบียร์นี้มีอายุ 257  ปี มีข้อมูลว่าเบียร์ Guinness จะถูกดื่มมากถึง 13 ล้านไพน์ทั่วโลกในคืนวัน St.Patrick’s Day และเรายังคงจะได้ดื่มเบียร์ยี่ห้อนี้ไปอีกนานแสนเพราะ “Arthur Guinness” ผู้ก่อตั้งโรงเบียร์ได้ทำสัญญาเช่าที่ไว้ถึง 9,000 ปี อันดับ 7 Grolsch Brewery (Groenlo, The Netherlands)                   Grolsch Brewery เริ่มเดินสายการผลิตตั้งแต่ปี ค.ศ. 1610 หรือกว่า 406 ปี แม้ว่าเบียร์ยี่ห้อนี้จะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของชาวไทย แต่เบียร์ Grolsch ก็มียอดขายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศเชียวนะครับ                     อันดับ 6...

Read more

ในยุคที่คราฟต์เบียร์จากเมืองนอกหลั่งไหลเข้ามาสู่ตลาดให้นักดื่มชาวไทยได้เลือกกันอย่างเสรี เรียกได้ว่าไม่แพ้ประเทศอย่างสิงคโปร์หรือฮ่องกง ที่เราเชื่อว่า ณ วันนี้ทั้ง 2 ประเทศยังอิจฉาเรา

Read more

x

STAY UP TO DATE

Submit your email to get updates on products and special promotions.