ไทยเบฟ ครึ่งปีโกยยอดขายกว่าแสนล้าน
"ไทยเบฟ" แจ้งผลประกอบการครึ่งปี โกยยอดขายรวมกว่าแสนล้าน เติบโตทุกธุรกิจ โดยเฉพาะเบียร์ พบกำไรสุทธิ เพิ่มขึ้นถึง 238.8%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) รายงานผลประกอบการต่อตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.2559) ว่า บริษัทมีรายได้เติบโตอย่างน่าพอใจในทุกกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
โดยกลุ่มธุรกิจสุราสร้างยอดขายเชิงมูลค่าโต 3.3% และยอดขายเชิงปริมาณเติบโต 4.2%
เช่นเดียวกับธุรกิจเบียร์ยังมีแนวโน้มที่ดี ยอดขายเชิงมูลค่าเติบโต 70.4% ยอดขายในเชิงปริมาณเติบโต 61.4% ขณะกำไรสุทธิธุรกิจเบียร์เติบโตถึง 238.8%
สำหรับภาพรวมผลประกอบการครึ่งปีแรก บริษัทมียอดขาย 100,625 ล้านบาท เติบโต 18.8% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมียอดขาย 84,697 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 14,482 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12,481 ล้านบาท (รวมบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ หรือ เอฟ แอนด์ เอ็น) หากไม่รวมเอฟ แอนด์ เอ็น บริษัทมีกำไรสุทธิครึ่งแรกเติบโตแบบก้าวกระโดด 24.5%อยู่ที่ 13,106 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม กำไรที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเกิดจากบริษัทมีภาระขาดทุนที่ลดลงจากธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์
ทั้งนี้ เมื่อแบ่งธุรกิจตามเซ็กเมนท์ สุรามียอดขายรวม 55,427 ล้านบาท เติบโต 3.3% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมียอดขาย 53,672 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 10,916 ล้านบาท เติบโต 5.1% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 10,389 ล้านบาท
เบียร์มียอดขาย 32,866 ล้านบาท เติบโต 70.4% จากช่วงเดียวกันปีก่อน 19,283 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,551 ล้านบาท เติบโต 238.8%จากช่วงเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 753 ล้านบาท เป็นผลจากกำไรก่อนหักภาษี ค่าเสื่อม (EBITDA) เพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาผลประกอบการของเบียร์ช้างพบว่า ตั้งแต่ปรับโฉมใหม่เมื่อเดือนสิงหาคม 2558 ยอดขายในเชิงมูลค่าและปริมาณเติบโตต่อเนื่อง โดยความสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ติดต่อกัน 3 ไตรมาส
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจเครื่องดื่มโดยเฉพาะเบียร์ช้าง ที่มีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นมากเบียดคู่แข่งหลัก หลังจากปรับโฉมใหม่ ยอมรับว่า มีการเติบโตขึ้นอย่างมีคุณค่า (Value of growth) เป็นผลจากสิ่งที่บริษัทเตรียมและวางกลยุทธ์มาอย่างดี ตั้งแต่การผลิต แคมเปญทางการตลาด การจัดจำหน่าย การร่วมกับคู่ค้าตอบสนองความต้องการผู้บริโภค
“บริษัทยังคาดหวังจะให้ยอดขายเบียร์เติบโตและผลประกอบการดีขึ้น เราตั้งใจนำสินค้าคุณภาพดี สร้างภาคภูมิภาคให้แบรนด์ไทยภายใต้แบรนด์ช้าง และขยายสู่ตลาดโลก ให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐที่ต้องการเห็นความสำเร็จของธุรกิจไทยในเวทีโลกด้วย”
ส่วนธุรกิจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์มียอดขาย 9,154 ล้านบาท เติบโต 8%จากช่วงเดียวกันปีก่อน 8,475 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 428 ล้านบาท ลดลง 31.1%จากช่วงเดียวกันปีก่อนขาดทุนสุทธิ 621 ล้านบาท เนื่องจากอิบิทด้าเพิ่มขึ้น ด้านธุรกิจอาหารมียอดขาย 3,303 ล้านบาท ลดลง 0.8%จากช่วงเดียวกันปีก่อน 3,329 ล้านบาท กำไรสุทธิ 67 ล้านบาท เติบโตสูงถึง 644.4%จากช่วงเดียวกันมีกำไรสุทธิ 9 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจอาหารได้นำยอดขายของบริษัทใหม่ “ฟู้ด ออฟ เอเชีย” มารวมด้วย และการเติบโตโดยรวมที่ลดลง เป็นผลจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของผู้บริโภคในร้านอาหารสาขาเดิม (Same store) ลดลง
ขณะที่ภาพรวมยอดขายในเชิงปริมาณครึ่งปีแรก สุราอยู่ที่ 297 ล้านลิตร เติบโต 4.2%จาก 285 ล้านลิตร เบียร์ 498 ล้านลิตร เติบโต 61.4% จาก 309 ล้านลิตร และเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์อยู่ที่ 865 ล้านลิตร เติบโต10.8%จาก 781 ล้านลิตร โดยผลิตภัณฑ์ชาพร้อมดื่มโออิชิ และจับใจ มียอดขาย 175 ล้านลิตร เติบโต 11.9%จาก 157 ล้านลิตร น้ำดื่ม 519 ล้านลิตร เติบโต 15.2%จาก 450 ล้านลิตร เครื่องดื่มอัดลมเอสและ ฮันเดรด พลัส 143 ล้านลิตร เติบโต 3.8%จาก 138 ล้านลิตร และอื่น ๆ เช่น โซดา เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มเกลือแร่ฯ มียอดขาย 28 ล้านลิตร ลดลง 22.4%จากช่วงเดียวกันปีก่อนมียอดขาย 36 ล้านลิตร
ทั้งนี้ บริษัทไทยเบฟฯ มีสัดส่วนยอดขายจากผลิตภัณฑ์สุรา 55.1%เบียร์ 32.6%เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ 9.1%อาหาร 3.3%ส่วนการทำกำไร สุรามีสัดส่วน 83.3%เบียร์ 19.5%เครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ -3.3%และอาหารมีสัดส่วนการทำกำไร 0.5%
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมธุรกิจต่างประเทศ มียอดขายลดลง 5.2%โดยเฉพาะจากสุราและเบียร์ โดยรายได้เบียร์ลดลง 2.7%เนื่องจากยอดขายในตลาดอาเซียนลดลง ส่วนสุรา ลดลง 8.1%โดยเฉพาะตลาดประเทศจีนลดลงถึง 27.4%ส่วนสุราสก๊อตยอดขายลดลงในตลาดอาฟริกาใต้ ออสเตรเลีย ละตินอเมริกา และสหรัฐ
นอกจากนี้ บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ คงอันดับเครดิตตราสารหนี้ระยะยาวสกุลเงินต่างประเทศของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ ที่ระดับBBBด้วยแนวโน้มคงที่ และคงอันดับเครดิตองค์กรของไทยเบฟที่AA+ด้วยแนวโน้มคงที่เช่นเดียวกัน โดยที่ผ่านมาไทยเบฟได้รับการจัดอันดับเครดิตจากมูดี้ส์ที่อันดับBaa3ด้วยแนวโน้มเชิงบวก ส่วนทริสต์ เรตติ้ง จัดอันดับเครดิตที่AAด้วยแนวโน้มคงที่
นอกจากนี้ ในรายงานยังมีการแจ้งจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเพิ่มขึ้นจาก 0.15 บาทต่อหุ้น เป็น 0.20 บาทต่อหุ้น
No author
My kale effect cookbook came today. Its smart, funny, and sassy, and there are color pictures! Its beautiful. I’m reading your book cover to cover. I cannot get over how brilliant it is;382#0&so clever and fresh and I added so many fancy ingredients to my grocery list this week like currants and grapeseed oil.