ท่านผู้ชมผู้ชิมทั้งหลาย วันนี้เรามีเรื่องน่าตื่นเต้นมาป่าวประกาศให้ได้รับทราบกันอีกแล้ว และเรื่องนั้นย่อมไม่พ้นไปจากข่าวสารที่ว่า “เบียร์ใหม่กำลังจะมา” และ “มากันเพียบ”

เตรียมล้างปากคอรอไว้ให้ดี

อย่างที่เราจั่วหัวไว้แล้วว่า เบียร์จากแคนาดาจะสยายปีกเข้าสู่น่านฟ้าประเทศไทยในเร็ววันนี้ เราจึงอยากจะขอชี้แจงแถลงไขสักเล็กน้อยว่า “แคนาดา” ซึ่งเป็นประเทศสุดคูลที่ใคร ๆ ก็อยากไปเยือน ไม่ว่าจะเพราะมีผู้คนที่สงบสุขและเป็นมิตร ธรรมชาติที่ยังคงความบริสุทธิ์สวยงามเอาไว้ได้อย่างน่าประทับใจ หรือผู้นำประเทศรุ่นใหม่ทันสมัยที่เป็นไอดอลของใครหลายคนนั้น มีความสำคัญไฉนต่อพวกเราคอเบียร์ ดินแดนแถบนั้นมีดีอะไร แล้วเบียร์ล่ะเด็ดหรือไม่

ในฐานะประเทศแคนาดาโดยรวม เราคงต้องบอกว่าหากมองในเชิงประวัติศาสตร์แล้วอาจไม่ได้โด่งดังมากนักในเรื่องเหล้าเบียร์เมื่อเปรียบเทียบกับหลาย ๆ แห่งทั่วโลก แต่ในช่วงหลายปีมานี้มีอยู่ส่วนหนึ่งของประเทศนี้ที่ได้ค่อย ๆ พัฒนาขึ้นจนกลายมาเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมและการพัฒนาสำคัญของวงการคราฟต์เบียร์โลกในที่สุด และดินแดนแถบนั้นก็คือบริเวณที่เรียกกันว่า “Northwest” นั่นเอง

แน่นอนว่าสำหรับคอคราฟต์เบียร์พันธุ์แท้ที่ตามติดความเคลื่อนไหวของวงการเบียร์โลกอยู่เสมออาจจะพอเคยได้ยินคำว่า Northwest มาบ้างแล้ว และคำ ๆ นี้ย่อมบ่งบอกอะไรต่อมิอะไรได้มากทีเดียว แต่คงยังมีผู้คนอีกมากที่สงสัยข้องใจอยู่ ดังนั้นเรามาเริ่มกันเลย

 

Northwest ในที่นี้หมายถึง Pacific Northwest หรือดินแดนแถบชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งแผ่อาณาบริเวณครอบคลุมพื้นที่ 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ บริติชโคลัมเบีย (แคนาดา) วอชิงตัน (สหรัฐอเมริกา) และโอเรกอน (สหรัฐอเมริกา) โดยขอบเขตอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งกำเนิดของคราฟต์เบียร์ในอเมริกาเหนือเลยทีเดียว สอดคล้องกับความเป็นจริงที่ว่าในปัจจุบันนี่คือภูมิภาคที่มีโรงผลิตคราฟต์เบียร์หนาแน่นที่สุด และดอกฮอปส์ราวร้อยละ 80 ที่ใช้ในอุตสาหกรรมคราฟต์เบียร์อเมริกันก็มาจากดินแดนแถบนี้ทั้งสิ้น เท่านั้นยังไม่พอ สถิติอัตราการบริโภคคราฟต์เบียร์ของผู้คนในบริเวณนี้ยังสูงที่สุดทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาอีกด้วย ดังนั้นก็เรียกได้ว่าถิ่นนี้แทบจะเป็นฐานที่มั่นหลักแห่งหนึ่งของชาวคราฟต์เบียร์ทั่วโลกเลยล่ะ

ถ้าอุตสาหกรรมไอทีมีซิลิคอนแวลลีย์ วงการคราฟต์เบียร์โลกก็ต้องมี “Northwest” อะไรทำนองนั้น

การแข่งขันสูงลิบ วัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม และผู้บริโภคที่เจนจัดเช่นนี้ คงพอทำให้เราอนุมานได้แล้วว่าคุณภาพของเบียร์ที่บ่มเพาะตัวตนขึ้นจากแคนาดาแถบ Pacific Northwest จนพร้อมบินข้ามโลกได้นั้น ย่อมไม่น้อยหน้าใคร

เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาดูกันว่าคราฟต์เบียร์แคนาดาทีมแรกที่จะเข้าสู่ประเทศไทยนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง

อ้อ ก่อนอื่นเราขอบอกล่วงหน้าไว้ว่า แต่ละยี่ห้อนั้นไม่ได้มาเดี่ยว ๆ แต่จัดกองกำลังมาชุดใหญ่ไฟกระพริบตั้งแต่ 4-13 ฉลากเลยทีเดียว ดังนั้นจึงขอแนะนำเฉพาะฉลากที่เราคิดว่าน่าสนใจแล้วกัน แต่ขอให้เข้าใจตรงกันว่าฉลากที่ไม่ได้หยิบยกมานั้นก็มีดีไม่แพ้กันหรอก ตกลงนะทุกคน เริ่มกันเลย

 

PostmarkBrewing 

โพสต์มาร์ค บริววิ่ง โรงเบียร์จากแวนคูเวอร์ บริติชโคลัมเบีย นั้นมาพร้อมกับท่าทีเท่ ๆ แบบคนรักธรรมชาติที่ชอบท่องป่าเขาลำเนาไพร พวกเขาออกแบบและพัฒนาเบียร์คุณภาพเยี่ยมที่คุณจะสามารถดื่มด่ำกับพรรคพวกได้ในทุกโอกาสและทุกกิจกรรมที่เป็นแหล่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวตน ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบ การถ่ายภาพ การเล่นกีฬา การเล่นดนตรี หรือการท่องเที่ยวก็ตามสิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมาเบียร์ของโพสต์มาร์คในหลายมิติด้วยกัน เช่น ฉลากสวย ๆ ที่เกิดขึ้นจากฝีมือของช่างภาพท้องถิ่น และวัตถุดิบที่ได้มาจากการค้าที่เป็นธรรมในละแวกใกล้เคียง เป็นต้นเรียกว่าโดนใจนักดื่มสายฮิปแน่นอน

เบียร์ที่น่าสนใจ

1. Postmark West Coast Pale Ale

เพลเอลที่ชัดเจนด้วยกลิ่นฮอปส์จากแถบชายฝั่งตะวันตก หอมสดชื่นคล้ายผลไม้รสเปรี้ยวและดอกไม้ สร้างสมดุลด้วยมอลต์นวล ๆ ตอนท้าย

2. Postmark Raspberry Ale

เบียร์แบบเซสชั่นเอลที่ใช้วัตถุดิบเป็นแรสเบอร์รี่จากท้องถิ่น รสติดเปรี้ยวฉ่ำลิ้น เหมาะกับการดื่มในอากาศร้อนอบอ้าว

ยังมีเบียร์อีกมากมายจากค่าย Postmark คลิกที่นี่

Phillips Brewing Company

โรงเบียร์ฟิลลิปส์ บริววิ่ง คอมพานี หรือ ฟิลลิปส์ (ไม่ใช่หลอดไฟนะ แฮ่) นั้น แม้ทุกวันนี้จะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีราวกับว่าทุกอย่างราบรื่นสุด ๆ แต่เรื่องราวการต่อสู้ของเขาก็หนักหนาชวนฟังไม่ใช่เล่น เขาเริ่มต้นก้าวใหญ่ก้าวแรกด้วยความล้มเหลวไม่เป็นท่าเมื่อได้ตัดสินใจพกเอาความมั่นใจในฝีมือการต้มเบียร์ที่สั่งสมมากว่า 30 ปีจากโรงเบียร์มากมายมาวางลงบนโลกธุรกิจของจริง แต่แน่นอนว่าในวันที่ฟิลลิปส์มืดแปดด้านอยู่นั้นเขาก็ยังคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณนักสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ เขาถอยกลับไปตั้งหลักบนกองหนี้บัตรเครดิตมหาศาลในอพาร์ตเมนท์เล็ก ๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งหน้าต่างด้วยซ้ำ (มืดแปดด้านจริง ๆ พับผ่าสิ) ที่นั่นเขาอุทิศแรงกายแรงใจสร้างผลงานต่อไป โดยต้มเบียร์ในตอนเช้าสลับไปมากับการนอนบนพื้นจนกลายเป็นกิจวัตรประจำวัน เขาทำอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งสามารถกลับมายืนได้อีกครั้งพร้อมกับเบียร์สูตรเด็ด และธุรกิจโรงผลิตเบียร์ที่ได้มาตรฐาน ถูกสุขลักษณะ (และมีหน้าต่างเสียด้วย แหม่) จากจุดนั้นเขาเริ่มเดินถูกทาง กิจการของเขาจึงเติบโตขยับขยายขึ้นไปสู่การสร้างโรงกลั่น บริษัทน้ำอัดลม ไปจนถึงโรงผลิตมอลต์ซึ่งโดดเด่นอย่างมากในปัจจุบัน

 

 เบียร์ที่น่าสนใจ

1. Phillips Analogue 78 Kolsch

เบียร์โคลช์ที่มีแก่นรสชาติแบบเยอรมันดั้งเดิมสุดคลาสสิก นำมาแต่งแต้มด้วยเทคนิคและวัตถุดิบใหม่ ๆ บางส่วนจากท้องถิ่นชายฝั่งตะวันตกของอเมริกาเหนือสดชื่น จิบได้ยาว ๆ สบาย ๆ

2. Phillips Hops Circle IPA

ไอพีเอพันธุ์ดุที่แน่นหนักไปด้วยกลิ่นรสของฮอปส์ ซึ่งจะทำให้คอเบียร์สายฮอปปี้จัดหนักแบบหยุดไม่อยู่เลยทีเดียว

ยังมีเบียร์อีกมากมายจากค่าย Phillips คลิกที่นี่

Parallel 49 Brewing Company

 

พาราเลล 49 บริววิ่ง คอมพานี เป็นบริษัทเบียร์ที่เติบโตขึ้นอย่างราบรื่นและแข็งแกร่ง ความเหนียวแน่นของทีมงานนั้นเด่นชัดเพราะบรรดาผู้ก่อตั้งต่างก็ได้เติบโตขึ้นมาด้วยกัน คนบ้านเดียวกันจะว่าอย่างนั้นก็ได้ ทั้งนี้ ย้อนกลับไปก่อนหน้าที่พวกเขาจะสานฝันให้เป็นจริงได้นั้น ไมค์ นิค และแอนโทนี่ต่างก็หลงใหลในคราฟต์เบียร์มาโดยตลอด และความชื่นชอบที่แรงกล้านั้นทำให้ในที่สุดพวกเขาสามารถตัดสินใจลาออกจากงานมาเปิดธุรกิจร้านอาหารที่ต่อมาไม่นานก็ประสบความสำเร็จ และที่สำคัญก็คือผู้คนต่างก็พากันขนานนามร้านนี้ว่าเป็น “นครมักกะห์” แห่งคราฟต์เบียร์ในแวนคูเวอร์เลยทีเดียว จากผลลัพธ์ที่น่าพอใจในกิจการร้านอาหาร พวกเขาจึงพากันเดินหน้าต่อโดยได้สร้างธุรกิจโรงผลิตคราฟต์เบียร์ขึ้นร่วมกับนายเกรแฮม นักทำเบียร์โฮมบริวที่ได้รับการยอมรับนับถือจากแวดวง และไมเคิล ท้อด ผู้คร่ำหวอดงานขายคราฟต์เบียร์ในเขตบริติชโคลัมเบีย บริษัท พาราเลล 49 ได้ถือกำเนิดขึ้นและก้าวหน้าอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นชื่อของหนึ่งในบรรดาคราฟต์เบียร์แนวหน้าจากแวนคูเวอร์ตะวันออกในที่สุด เบียร์ของพวกเขามีลูกเล่นโดดเด่นแพรวพราว และมีสไตล์ที่อยู่ในกระแสความนิยมเสมอด้วย

 

เบียร์ที่น่าสนใจ

1. Parallel 49 Gypsy Tears Ruby Ale

เอลสีทับทิมซึ่งเด่นด้วยคาราเมลมอลต์และกลิ่นหอมสดชื่นจากดอกฮอปส์ฝั่งตะวันตก ผู้ผลิตใช้วิธีการดรายฮอปส์เพื่อดึงเอากลิ่นหอมออกมาเป็นสำคัญ ขณะที่หลีกเลี่ยงรสขมให้มากที่สุด

2. Parallel 49 Filthy Dirty IPA

ไอพีเอตำรับชายฝั่งตะวันตกแบบมาตรฐาน อัดแน่นด้วยกลิ่นรสจากดอกฮอปส์ซึ่งหอมคล้ายส้ม เกรปฟรุ้ต ใบสนและดอกไม้ ประกอบกับความหวานบาง ๆ จากมอลต์

ยังมีเบียร์อีกมากมายจากค่าย Parallel 49 คลิกที่นี่

 Off the Rail Brewing Company 

 

ออฟเดอะเรลบริววิ่งคอมพานีเกิดขึ้นจากความหลงใหลคราฟต์เบียร์ชนิดหัวปักหัวปำของนายสตีฟ ผู้ก่อตั้งบริษัท ในช่วงปี 80s สตีฟซึ่งมีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวทั่วยุโรปและสหรัฐอเมริกา ได้เปิดโลกทัศน์อย่างมากมายเกี่ยวกับการทำโรงเบียร์ขนาดเล็ก จุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ระหว่างคราฟต์เบียร์กับตัวเขานั้นไม่ได้หวือหวาพิสดารแต่อย่างใด หากแต่มาจากเอลอังกฤษดั้งเดิม ลาเกอร์เยอรมัน และไอพีเอแบบฉบับอเมริกัน  อย่างไรก็ตามนับจากช่วงเวลานั้นแนวความคิดที่จะสร้างสรรค์เบียร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาก็ได้ถูกจุดประกายขึ้นเรียบร้อยแล้ว ในเวลาต่อมาเมื่อเขากลับไปช่วยดูแลธุรกิจร้านอาหารของครอบครัวซึ่งใช้ชื่อว่า Railway Club เขาจึงเริ่มนำคราฟต์เบียร์ที่เขาชื่นชอบไปลองเสนอแก่ลูกค้าที่นั่นเรื่อย ๆ จนกระทั่งกระแสคราฟต์เบียร์ได้เริ่มเติบโตมากขึ้นทุกที ในช่วงนั้นมีผู้ผลิตท้องถิ่นเกิดขึ้นใหม่มากมายและร้านก็ยังคงให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี จนในที่สุดร้านอาหารของเขาก็กลายเป็นร้านที่ให้บริการคราฟต์เบียร์ท้องถิ่นแบบสดจำนวนมากที่สุดในแวนคูเวอร์เลยทีเดียว หลังจากนั้นกิจการร้านก็ได้ถูกขายออกไปและเขาก็มุ่งหน้าสู่การทำไร่ดอกฮอปส์แบบเกษตรอินทรีย์ขึ้น ในระหว่างที่เขาเริ่มขายดอกฮอปส์ให้กับโรงเบียร์อื่น ๆ เขาก็เริ่มพัฒนาสูตรเบียร์ของเขาเองไปพร้อมกัน จนกระทั่งเขาคิดว่าทุกอย่างพร้อมสรรพ การขยับขยายสู่การสร้างโรงเบียร์ออฟเดอะเรลจึงเกิดขึ้น และเติบใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน

เบียร์ที่น่าสนใจ

1. Off the Rail Smoked Porter

เบียร์สายควันซึ่งมีกลิ่นรสที่เหมาะกับฤดูเหงา ๆ อย่างฝนและหนาวเป็นอย่างยิ่ง หอมอบอุ่นจากกลิ่นคั่วคล้ายกาแฟและช็อกโกแลต และปิดท้ายด้วยกลิ่นฮอปส์ English Fuggle บาง ๆ

2. Off the Rail Raj Mahal India Ale

เอลที่ออกแบบมาด้วยแรงบันดาลใจสุดแสนจะอินเดียด้วยการใช้ตะไคร้และใบมะกรูดลงไปผสมผสานกับมอลต์พิลสเนอร์และดอกฮอปส์สายพันธุ์ Citra ซึ่งหอมสดชื่นคล้ายผลไม้เขตร้อน เบียร์ฉลากนี้เพิ่งได้รางวัล Canadian Brewing Awards 2016 มาด้วยนะ

ยังมีเบียร์อีกมากมายจากค่าย Off the Rail คลิกที่นี่

Coal Harbour Brewing Company

โคล ฮาร์เบอร์ บริววิ่ง คอมพานี ประกาศชัดว่าตนเองเป็นโรงผลิตคราฟต์เบียร์ซึ่งทุกวันนี้มีตารางการผลิตที่แน่นมาก ๆ จากการทำเบียร์ทั้งตัวหลักและเบียร์พิเศษตามฤดูกาลซึ่งวางขายทั่วไปทั้งในร้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของเอกชนและรัฐบาล โคล ฮาร์เบอร์ ผลิตเบียร์หลากหลายรูปแบบและตอบโจทย์คอเบียร์ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นสายลาเกอร์ สายนิยมยีสต์ หรือสายคลั่งฮอปส์ก็ตาม อ้อ พวกเขาโม้เอาไว้ด้วยว่าในเวลาที่ว่างจากการทำเบียร์ พวกเขาก็จะพูดถึงเรื่องเบียร์ ชิมเบียร์ อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับเบียร์ ฝันถึงเบียร์ และล่ารางวัลเบียร์ไปพลาง ๆ ไงล่ะ

เบียร์ที่น่าสนใจ

1. Coal Harbour Smoke & Mirrors Imperial Smoke Ale

เอลดีกรีจัดจ้านฉลากนี้มีสัมผัสนวลแน่นและรสนุ่มอย่างน่าเหลือเชื่อ ที่สำคัญยังหอมอวลไปด้วยกลิ่นอบอุ่นคล้ายควันและไอดิน คาราเมลและช็อกโกแลตอีกด้วย

2. Coal Harbour Sunrise Gose

เบียร์โกเซอรสนัวจากเกลือทะเล มีรสชาติโทนสว่างจากการใช้เมล็ดผักชีและฮอปส์สายพันธุ์เยอรมัน ติดเปรี้ยวบาง ๆ ให้ความสดชื่นได้ดี

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เอาจริง ๆ ก็เป็นแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้นนะทุกคน จานหลักที่แท้จริงนั้นกำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ และแน่นอนว่าเราขอเชิญชวนให้ทุกคนที่หลงใหลในการดื่มคราฟต์เบียร์หรือแม้แต่ผู้ที่อยากจะลองเข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่แตกต่าง ได้ลองชิมเบียร์ระลอกใหม่จากแคนาดาที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดประเทศไทยครั้งนี้  แล้วคุณจะได้ลิ้มรสสัมผัสที่น่าอิจฉาของชาวอเมริกันและแคนาดาในแถบนั้นแบบเต็ม ๆ โดยที่ไม่ต้องไปเข้าคิวขอวีซ่าให้เมื่อยแต่อย่างใด

ก่อนจะจากกัน ในฐานะคอคราฟต์เบียร์คนหนึ่ง เราต้องขอขอบคุณผู้นำเข้าที่ยกเอารสชาติจากอีกหนึ่งศูนย์กลางแห่งคราฟต์เบียร์โลกมาบริการถึงที่ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ตอนนี้เราขอไปล้างคอรอก่อนนะ ถึงเวลาจะได้ซึมซับความฮิปความคูลและความเอร็ดอร่อยแบบแคนาดาเสียให้เต็มคราบ

ยังมีเบียร์อีกมากมายจากค่าย Coal Harbour คลิกที่นี่