ค่ำคืนวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา Wishbeer ได้รับเกียรติเป็นอย่างยิ่งจาก บริษัท Comte de Sibour ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มชั้นเลิศในประเทศไทย ให้มีโอกาสได้เข้าร่วมรับประทานอาหารเย็นซึ่งถูกจัดขึ้นอย่างพิถีพิถันในรูปแบบ Beer Dinner ที่ห้องอาหาร เดอะ รีเฟล็กชั่นส์ (The Reflexions) โรงแรมพลาซ่า แอทธินี โดยพระเอกของงานก็คือเบียร์ Estrella Damm ซึ่งเป็นนอกจากจะเป็นเบียร์ชื่อดังจากนครบาร์เซโลนาแล้ว ยังครองตำแหน่งผู้ผลิตเบียร์ที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศสเปนด้วย

งาน Spanish Craft Beer Dinner ครั้งนี้ ได้ถูกจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย โดยแนวคิดที่ถูกนำมาใช้พัฒนารายการอาหารทั้ง 5 คอร์สขึ้นมานั้นมีที่มาที่ไปสุดประณีตลึกซึ้งด้วยการให้เชฟได้เริ่มต้นทำความเข้าใจลักษณะเด่นต่างๆ ของเบียร์แต่ละฉลากที่ได้รับการคัดเลือกมาจนถ่องแท้ ก่อนที่จะออกแบบสร้างสรรค์อาหารจานพิเศษซึ่งเห็นว่าเหมาะสมที่สุดกับเบียร์นั้นๆ ขึ้นเป็นการเฉพาะ

Chef de Cuisine ที่ได้รับภารกิจดังกล่าวนี้ก็คือคุณ Roxanne Lange เชฟสาวไฟแรงชาวดัตช์ ผู้มากด้วยประสบการณ์จากภัตตาคารระดับมิชลิน สตาร์ และสำหรับงานนี้เราบอกเลยว่าเธอได้บรรจงรังสรรค์เมนูได้อย่างไร้ที่ติ รูปลักษณ์และรสชาติของอาหารแต่ละจานสามารถส่งเสริมจุดเด่นของเบียร์แต่ละประเภทได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เรารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าการดื่มเบียร์กับอาหารมื้อค่ำคราวนี้น่าประทับใจยิ่งกว่าครั้งใด

เมื่อนั่งลงที่โต๊ะแล้ว เราได้เริ่มต้นด้วยการจิบเครื่องดื่มต้อนรับซึ่งก็คือ Estrella Damm INEDIT เบียร์ที่หลายคนอาจรู้จักและจดจำในฐานะของ “เบียร์มาดแชมเปญ” ซึ่งอยู่ในขวดขนาดใหญ่ทรงขวดไวน์เบอร์กันดีและโดดเด่นด้วยฉลากรูปดาวดวงใหญ่สีทอง เบียร์ INEDIT นั้นได้ถูกออกแบบและพัฒนาขึ้นจากความร่วมมือระหว่างโรงเบียร์ Estrella Damm และหัวหน้าพ่อครัวฝีมือฉกาจผู้มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างคุณ Ferran Adria

เบียร์ INEDIT เป็นเบียร์สไตล์ Light Belgian Wheat ซึ่งก็คือลูกผสมระหว่างเบียร์แบบลาเกอร์และเบลเยียนวีทเอลนั่นเอง เราคิดว่าแม้เบียร์ฉลากนี้จะมีความโดดเด่นด้วยกลิ่นหอมแน่นและรสชาติสดชื่นกำลังดีด้วยตัวเองอยู่แล้ว แต่การจิบเข้าคู่กับอาหารก็น่าจะส่งเสริมประสบการณ์ให้พิเศษยิ่งขึ้นได้เป็นอย่างดีทีเดียว

เราได้รับข้อสรุปยืนยันว่าความคิดนี้ถูกต้องเมื่อคานาเป้จานน้อยได้เดินทางมาถึง ดีงามจริงๆ

ถึงตรงนี้เราก็กำลังจะเข้าสู่ส่วนสำคัญกันแล้ว ขอเชิญทุกท่านติดตามชมกันได้เลยว่าจะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง เราใบ้ไว้ก่อนแล้วกันว่ามีเพียบเลยล่ะ

COURSE 01 - KING CRAB

quinoa salad | edamame | yuzu | edamame dressing | chorizo | daikon

Damm Lemon

รสเปรี้ยวฉ่ำสดชื่นของเบียร์ Damm Lemon ซึ่งเป็นเบียร์แบบ Shandy (หมายถึงเบียร์ปรุงผสมน้ำผลไม้หรือน้ำอัดลม) เรียกน้ำย่อยและกระตุ้นประสาทรับรสได้ดีมาก สอดรับกับเนื้อปูจักรพรรดิที่สดหวานและสลัดรสบางสดใสได้อย่างลงตัว เราชอบใจ Damm Lemon มาก เพราะเราคิดว่าเบียร์ฉลากนี้เป็น Shandy ที่ยังคงให้ความรู้สึกเป็นเบียร์ได้ดีด้วยกลิ่นหอมจางระเรื่อของมอลต์ที่ตามมาปิดท้ายความหอมชื่นใจจากมะนาวเหลืองสเปน ดื่มง่ายและช่วยดับร้อนได้ดีเยี่ยม

COURSE 02 – JOSELITO HAM

green salad | marinated chanterelles | mustard ice cream | pistachio

Damm Daura

เบียร์ Damm Daura คือข่าวดีสำหรับผู้คนจำนวนไม่น้อยทั่วโลก เพราะความพิเศษประการหนึ่งของ Daura ก็คือการเป็นเบียร์ปลอดกลูเตน (Gluten-free) ที่ไล่กวาดรางวัลระดับโลกมามากมาย จนกระทั่งผู้คนต่างยกให้เป็นเบียร์ไร้กลูเตนที่ดีที่สุดในโลกไปแล้ว เมื่อทราบดังนั้นเราจึงลองยกแก้วขึ้นจิบคำใหญ่ๆ และพบว่าไม่ผิดหวังหรือแปลกใจเลย เพราะแม้ว่าเบียร์ Daura จะประกาศตนว่าเป็น “เบียร์ปลอดกลูเตน” ซึ่งทำให้เรานึกถึงเบียร์รสชาติขาดๆ เกินๆ เนื่องจากการดัดแปลงสูตรบางประการ แต่เบียร์ฉลากนี้ไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย หากแต่มีคุณลักษณะของเบียร์คุณภาพดีอย่างครบถ้วน กลิ่นหอมคล้ายขนมปังและธัญพืชคงอยู่ไม่ตกหล่นและซ่ากำลังดีตามแบบฉบับเบียร์ Euro Pale Lager เหมาะเจาะมากกับกลิ่นหอมมันจากแฮมระดับแนวหน้าของโลก ซึ่งตัดกันอย่างสมดุลกับความสดชื่นของเห็ดชองเทอแรลและไอศกรีมมัสตาร์ด

COURSE 03 – HALIBUT

potato | grape gel | flat bean | caper | potato sauce | green asparagus

Damm Voll Damm Double Malt

เบียร์แบบ Märzenbier(หรืออาจเรียกได้ว่าแบบ Oktoberfest) นามว่า Voll Damm Double Malt ขวดนี้เข้มข้นหนักแน่นสมชื่อดับเบิ้ลมอลต์จริงๆ จิบแรกเราก็รู้สึกได้ถึงดีกรีที่ดุดันซึ่งมาถึงแทบจะพร้อมกับกลิ่นหอมหวานอบอุ่นคล้ายคาราเมลและน้ำผึ้ง จากนั้นปิดท้ายอย่างเผ็ดร้อนแต่เบาบางด้วยกลิ่นคล้ายเครื่องเทศ สิ่งหนึ่งที่เราประทับใจเป็นพิเศษก็คือ เราพบว่าอาหารคอร์สนี้ส่งผลดีต่อเบียร์ฉลากนี้อย่างชัดเจน เพราะปลาแฮลิบัตที่ผ่านความร้อนอย่างพอดิบพอดีนั้นส่งกลิ่นหอมกรุ่นคล้ายควันขับเน้นกลิ่นมอลต์คั่วให้เด่นชัดเต็มปากเต็มคำยิ่งขึ้น ช่วยให้เราเข้าใจแนวทางและรู้จักศักยภาพที่แท้จริงของเบียร์ Voll Damm Double Malt ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ

COURSE 04 – WAGYU STRIPLOIN ROASTED

beef cheek 70° | onion | bone marrow | endive | red wine sauce

Damm Bock

ช่วงนี้อาจเปรียบได้กับท่อนที่บทเพลงบรรเลงอย่างเร้าใจที่สุด เนื่องจากเครื่องดื่มที่ชูโรงมานั้นก็คือ Damm Bock ซึ่งเป็นเบียร์แบบ Munich Dunkel Lager ที่มีกลิ่นมอลต์คั่วเข้มเด่นชัดโดยไม่บดบังรสขมอมหวานที่ตามมา อีกทั้งยังมีเนื้อสัมผัสที่เนียนลื่นพอสมควร ทำให้เบียร์ฉลากนี้มีดุลยภาพในรสชาติมากพอที่เราจะค่อยๆ จิบไปทีละเล็กทีละน้อย ในขณะที่ลิ้มลองเนื้อวากิวที่มาในแบบ medium-well ซึ่งนุ่มฉ่ำและมีกลิ่นหอมมันอย่างมากไปด้วย ก่อนที่จะตัดสลับกลับมาชิมกลิ่นรสโทนกลางๆ ของเนื้อแก้มวัวที่ตุ๋นจนแทบละลายในปากได้อย่างไม่ขัดเขิน เบียร์ Damm Bock และอาหารคอร์สนี้จึงกลายเป็นการปะทะสังสรรค์อย่างกลมกล่อมระหว่างรสชาติที่เข้มข้นหนักแน่นหลายๆ แบบซึ่งทำให้เกิดผลลัพธ์อันทรงพลัง

COURSE 05 – VALRHONA CHOCOLATE MOUSSE

passion fruit | sweet milk | pistachio ice cream

Damm Sureo Sparkling Sangria 

รายการเครื่องดื่มสำหรับคอร์สของหวานส่งท้ายนี้ไม่ใช่เบียร์ หากแต่เป็นสปาร์คกลิ้งซานเกรียสีทับทิมสวยใสจากผู้ผลิตเดียวกันซึ่งเสิร์ฟมาในแก้วที่มีผลส้มหั่นซีกแลดูสดใสสวยงาม เราไม่รอช้าและเริ่มลองดื่มเพื่อชิมรส หลังจากนั้นเพียงไม่กี่คำเราก็รู้สึกเลยว่าถ้าหากไม่นับเรื่องความซาบซ่านที่ Damm Sureo มอบให้แล้ว นี่คือซานเกรียที่เต็มไปด้วยความสดใหม่ราวกับของที่เราบรรจงปรุงขึ้นด้วยตัวเองเลยทีเดียว (ซึ่งหาพบได้ยากในซานเกรียบรรจุขวด) ดังนั้นหากใครจะกล่าวว่านี่คือซานเกรียพร้อมดื่มคุณภาพยอดเยี่ยมก็ไม่น่าจะผิดฝาผิดตัวแต่อย่างใด และรสเปรี้ยวอมหวานจากSureo ก็เข้ากันได้ดีอย่างยิ่งกับมูสจากช็อกโกแลตชั้นเลิศที่เชฟเลือกตัดรสด้วยกลิ่นหอมสดชื่นและความเปรี้ยวเล็กน้อยของเสาวรส องค์ประกอบเหล่านี้ก่อให้เกิดประสบการณ์ทางรสสัมผัสที่ไม่ธรรมดาและน่าพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อเรากำลังเพลิดเพลินกับช่วงเวลาปิดท้ายที่อิ่มเอมทั้งกายและใจอยู่นั้น เสียงดนตรีจากเปียโนที่อ่อนหวานเสนาะหูซึ่งขับกล่อมมาตลอดทางก็ค่อยๆ จบลงไปพร้อมกัน ก่อนที่เราจะมีโอกาสได้พบปะเจ้าของท่วงทำนอง เขาเป็นศิลปินและนักประพันธ์ชาวฝรั่งเศสชื่อว่าคุณ Jean Francois ซึ่งให้โอกาสเราได้พูดคุยกันเล็กน้อยก่อนที่จะกล่าวคำอำลา เปรียบได้กับการปิดฉากลงอย่างงดงามบริบูรณ์