8 เรื่องเบียร์ที่มักถูกเข้าใจผิด

8 เรื่องเบียร์ที่มักถูกเข้าใจผิด

แม้ว่าเบียร์จะเป็นหนึ่งในบรรดาเครื่องดื่มสุดฮิตของพวกเรามวลหมู่มนุษยชาติมานับพันปี และบางตำราก็บ่งชี้ว่ามันสลักสำคัญต่อสังคมมากถึงขนาดส่งผลให้ชาวโลกเริ่มคิดทำการกสิกรรมเพาะปลูกขึ้นเป็นครั้งแรกกันเลยทีเดียว เบียร์กลับยังคงถูกเข้าใจอย่างผิดๆ อยู่ร่ำไป

และวันนี้เราได้รวบรวมความคิดที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเบียร์ 8 อย่าง มาตีแผ่ให้กระจ่าง

 ภาพจาก vinepair

  1. เบียร์ดำต้องแรง

ภาพจาก homebrewerassociation

 แม้ว่ามีหลายสิ่งในโลกที่ชวนให้คิดไปว่าสีเข้มนั้นสะท้อนถึงบางอย่างที่ดุดันและหนักหน่วง แต่นั่นไม่เกี่ยวกับเบียร์สีเข้มหรือสีดำเพราะสีของเบียร์นั้นแปรผันตามระยะเวลาที่มอลต์ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักถูกคั่วนั่นเอง ยิ่งคั่วนานมากก็ให้สีเข้มมากแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นระดับแอลกอฮอล์ไม่จำเป็นต้องแรงตามไปด้วย เพราะนั่นอยู่ที่ว่าจะมีน้ำตาลจากมอลต์ถูกยีสต์จัดการแปรสภาพไปมากน้อยเพียงใดต่างหาก สำหรับความขมก็เช่นกัน เบียร์ดำอาจจะมีรสขมคั่วแบบกาแฟได้บ้างแต่นั่นก็เป็นคนละอย่างกันกับความขมแบบที่มาจากดอกฮอปส์อย่างเช่นในเบียร์สไตล์ไอพีเอ สรุปว่าเบียร์ดำไม่จำเป็นต้องแน่น ขม และแรงแต่อย่างใด

  1. เบียร์อร่อยต้องเสิร์ฟในอุณหภูมิเย็นจัด

ภาพจาก homewetbar

 ในเมืองร้อนชื้นอย่างบ้านเรานั้น เบียร์ลาเกอร์เย็นเฉียบก็เป็นสิ่งพึงประสงค์โดยทั่วไปสำหรับผู้คนที่ต้องการดับกระหาย อย่างที่เราจะเห็นได้จากการที่เบียร์ใส่น้ำแข็งและเบียร์วุ้นแก้วแช่ได้รับความนิยมแพร่หลายอย่างมาก อีกทั้งยังมีบาร์หลายแห่งที่ประกาศก้องว่ามีเบียร์เย็นที่สุดในโลกให้บริการ เย็นแล้วเย็นอีกแบบที่เรียกว่ายะเยือกถึงอุณหภูมิติดลบกันไปเลย แนวปฏิบัติแบบนี้มีมานานจนกระทั่งหลายๆ คนคิดไปว่ายิ่งเย็นยิ่งดี อย่างไรก็ตาม อันที่จริงแล้วการจะดื่มเบียร์ให้ได้รสชาติดีที่สุดนั้น หนึ่งในปัจจัยสำคัญก็คืออุณหภูมิที่เหมาะสมนั่นเอง และเบียร์แต่ละชนิดก็มีคุณลักษณะที่แตกต่างกันไปยกตัวอย่างคร่าวๆ เช่น เบียร์ที่เนื้อเบาบางถึงปานกลางจำพวกพิลสเนอร์หรือเพลเอลนั้น ก็ควรถูกดื่มด่ำที่ 4-6 องศาเซลเซียส ขณะที่เบียร์แบบที่แน่นหนักกว่าก็อาจเหมาะสมที่ราว 10-12 องศาเซลเซียส เป็นต้น คราวหน้าลองดื่มในอุณหภูมิที่เหมาะกับสไตล์เบียร์สิ แล้วคุณจะเข้าใจกลิ่นรสของเบียร์ในมือได้ดีกว่าเดิมเยอะ

  1. เบียร์กระป๋องคือเบียร์ไม่ดีและราคาถูก

 ภาพจาก doctorale

 เรื่องราวมายาคติเกี่ยวกับความไร้รสนิยมและราคาถูกของกระป๋องนั้นอาจจะมีความซับซ้อนและเกิดจากผลิตภัณฑ์อื่นๆ หลายอย่าง แต่เราขอบอกเลยว่าที่จริงแล้วกระป๋องอลูมิเนียมนั้นเป็นบรรจุภัณฑ์ที่ช่วยเก็บรักษาคุณภาพน้ำเบียร์ได้อย่างดีที่สุด เนื่องจากความสามารถในการปกป้องเบียร์จากแสงและออกซิเจนที่ทั้งขวดแก้วและเครื่องเสิร์ฟเบียร์สดต่างก็เทียบไม่ติดเลย ที่สำคัญคือเทคโนโลยีใหม่ๆ ในปัจจุบันก็ทำให้ลวดลายบนกระป๋องนั้นสวยสดงดงามจนน่าสะสมไม่ใช่เล่นแถมยังมีน้ำหนักเบาและไม่แตกง่ายๆ อีกด้วยนะ

  1. คราฟต์เบียร์ควรจะต้องถูกเก็บบ่มเอาไว้ให้นานก่อนเปิดดื่ม

 ภาพจาก frankenmuthbrewery

 เรื่องนี้เหมือนจะถูกเพียงบางส่วน เพราะเบียร์นั้นไม่เหมือนกับเหล้าหลายชนิดที่ผู้คนซื้อมาเก็บเอาไว้นานนับปีก่อนดื่มและการเป็นคราฟต์เบียร์ก็ไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าคุณควรจะต้องเก็บงำมันไว้ให้เนิ่นนาน จริงอยู่ว่ามีเบียร์บางชนิดที่อาจให้รสที่นุ่มนวลขึ้นเมื่อเราเก็บไว้อย่างถูกวิธีในระยะเวลาที่เหมาะสม เช่น เบียร์ที่เด่นด้านมอลต์และมีแอลกฮอล์สูงๆ อย่างบาร์เลย์ไวน์ แต่โดยทั่วไปแล้วคุณควรจะรีบดื่มโดยเร็วเพื่อลิ้มรสความสดใหม่ของเบียร์อย่างที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะเบียร์ที่เด่นด้านกลิ่นฮอปส์ต่างๆ เช่น ไอพีเอคราวนี้ใครคิดจะซื้อเบียร์ไปบ่มไว้โดยหวังว่าจะได้ดื่มเบียร์แสนนุ่มลึกก็ให้ลองหาข้อมูลดูก่อนนะว่าเบียร์นั้นๆ ควรถูกเก็บไว้หรือไม่อย่างไร ทำผิดไปคงเสียดายแย่

  1. ลาเกอร์และพิลสเนอร์คือเบียร์แบบเดียวกัน

 ภาพจาก berghoffbeer

 พูดแบบนี้ก็คงถูกเพียงเสี้ยวเดียว เนื่องจากพิลสเนอร์นั้นเป็นเพียงหนึ่งในเบียร์ลาเกอร์หลายๆ แบบ เบียร์พิลสเนอร์นั้นมีสีทองใสและให้รสที่สดชื่นซาบซ่าน ส่วนลาเกอร์นั้นอาจจะมาในสีดำทะมึนหรือมีเนื้อหนักแน่นด้วยมอลต์มาเลยก็เป็นได้ สรุปแล้วลาเกอร์คือประเภทของเบียร์ (เช่นเดียวกับเอล) และพิลสเนอร์เป็นประเภทหนึ่งของลาเกอร์นั่นเอง

  1. เบียร์แช่เย็นที่ถูกทิ้งไว้จนอุ่น จะเกิดกลิ่นเหม็นฉุนแบบตัวสกังค์

 ภาพจาก reactions

 การที่อุณหภูมิของเบียร์เปลี่ยนไปมาอย่างมากบ่อยๆ นั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีก็จริง เนื่องจากอาจทำให้เบียร์มีลักษณะชืดและสูญเสียความสดใหม่ แต่กลิ่นฉุนแบบสกังค์นั้นเป็นปฏิกิริยาทางเคมีที่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเบียร์นั้นโดนแสงหรือรังสียูวีต่างหากล่ะ ดังนั้นคุณควรจะเก็บเบียร์ไว้ในที่มิดชิดไม่ถูกแสงมากนักจะดีกว่ามาก โดยเฉพาะบรรดาเบียร์ที่ใส่ดอกฮอปส์เยอะๆ ทั้งหลาย

  1. เบียร์ทุกแบบจริงๆ แล้วก็เหมือนกันหมด

 ภาพจาก telegraph

 หลายคนที่มีโอกาสลองดื่มคราฟต์เบียร์บ่อยๆ อาจจะไม่คิดเช่นนี้ แต่ยังมีผู้คนอีกมากที่ยังเข้าใจเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เบียร์นั้นเป็นเครื่องดื่มที่มีหลายรูปแบบหลากสีสันมากและแตกต่างกันตั้งแต่กระบวนการผลิตและประเภทของวัตถุดิบ ดังนั้นจึงมีเบียร์ทั้งแบบรสเปรี้ยว หวาน ขม หรือคล้ายผลไม้ ระดับความซ่ามากน้อยน้ำเบียร์ใส โปร่งแสง ไปจนถึงขุ่นทึบ และมีตั้งแต่แบบที่แทบจะไม่มีแอลกอฮอล์อยู่เลยไปจนถึงแบบที่มีดีกรีระดับสูงลิ่วเทียบเคียงเหล้าได้เลยทีเดียว

  1. เบียร์เป็นของไม่ดี

 ภาพจาก mic

 อันที่จริงเบียร์ก็เหมือนกับของหลายอย่างบนโลกใบนี้ที่อาจจะเป็นของที่ดีและไม่ดีได้ด้วยเช่นกัน นั่นขึ้นอยู่กับว่าคุณมีวิธีจัดการกับมันอย่างไร เหมาะสมกับเงื่อนไขปัจจัยและกาลเทศะหรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากคุณยึดมั่นในทางสายกลางแล้วล่ะก็ เราขอยินดีด้วย! การทดลองทางวิทยาศาสตร์ในปัจจุบันบ่งชี้ว่าการดื่มเบียร์แต่พอเหมาะนั้นมีประโยชน์หลากหลายอย่างเมื่อเทียบกับการไม่ดื่มเลยหรือดื่มหนักมากเกินไปสำหรับคนที่มีสุขภาพปกติแข็งแรงดี และหากคุณไม่มั่นใจว่ากลางๆ นั้นคือแค่ไหนอย่างไร เราก็แนะนำคร่าวๆ ว่าประมาณ 1-3 แก้วต่อวันก็แล้วกัน ทั้งนี้ก็อย่าลืมประเมินขนาดร่างกายของตัวเองด้วยนะ

ถ้าหากคุณยังคิดว่าเบียร์เป็นสิ่งที่ไม่ดี ลองอ่านบทความนี้ดูก่อนนะครับ ข่าวดีของสายฟิตหุ่น! เบียร์เป็นเครื่องดื่มหลังออกกำลังกายชั้นเยี่ยม

8-things-about-beer-you-understand-wrong


3 comments

  • No author

    คือใครเปนคนวิจัยแล้วตรรกะนี้มาจากไหนแล้วถ้าตรรกะมาจากคนอื่นที่มีเหตุและผลตรงข้ามจะรีบได้ไหม…โคดเดาเลย

  • No author

    Good man,Good beer.

  • No author

    Haalelujlh! I needed this-you’re my savior.

Leave a comment

x

STAY UP TO DATE

Submit your email to get updates on products and special promotions.