ฉลากเบียร์บอกอะไรเราได้บ้าง
สำหรับเบียร์หนึ่งขวดหรือหนึ่งกระป๋อง สิ่งที่นักดื่มสนใจที่สุดก็คงเป็นรสชาติของน้ำเบียร์ที่อยู่ภายใน ต่อมาก็คงเป็นความสวยงามของฉลากด้านหน้า ที่ออกแบบได้สวยงามแตกต่างกันไป แต่น้อยคนนักที่จะลองพลิกดูด้านข้าง หรือด้านหลัง ซึ่งเป็นส่วนที่บอกถึงรายละเอียดต่างๆ ของเบียร์ วันนี้เราขอพาเพื่อนๆ ไปพลิกดูหลังขวดหรือกระป๋องเบียร์กันว่า ฉลากเบียร์ให้อะไรเรากับเราบ้าง ว่าแล้วก็ลองเบียร์ข้างๆ ตัวคุณ ขึ้นมาดูตอนนี้เลย เรารับลองว่าคุณจะต้องแปลกใจแน่นอน
เราขอยกตัวอย่างเบียร์จากสหรัฐอเมริกายี่ห้อ Modern Times เป็นตัวอย่าง เพราะเราเชื่อว่าโรงเบียร์นี้เป็นหนึ่งในโรงเบียร์ที่ใส่รายละเอียดของเบียร์มาอย่างครบถ้วน เรียกว่าจุใจสาย Beer Geek กันเลยทีเดียว แต่เพื่อนๆ ที่อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจเดี๋ยวเราอธิบายให้ฟัง
เริ่มกันที่ด้านหน้า ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นส่วนที่มีชื่อโรงเบียร์, ประเภทของเบียร์, และที่ตั้งของโรงเบียร์นั้นๆ หรือบ้างก็เป็นงานออกแบบอย่างเช่น การ์ตูนน่ารักสดใน หรือภาพวาดรูปปีศาจเสมือนปกอัลบั้มวงร็อกจากยุค 90 อย่าไปตกใจเพราะมันคือศิลปะ J ส่วนสำคัญของด้านหน้าคือประเภทของเบียร์ เพราะมันบ่งบอกถึงสิ่งที่อยู่ภายในว่าสี กลิ่น รสชาติจะไปในทิศทางไหน เช่น เบียร์ตัวนี้เป็นประเภท Pale Ale, IPA, Stout หรือ Imperial Porter คุณต้องเลือกประเภทให้ถูกกับความต้องการในวันนั้น ว่าอยากดื่มอะไร หรืออย่างลองดื่มอะไรที่ไม่เคยลอง จากภาพตัวอย่าง ฉลากบอกเราว่า “Sour, Barrel-Aged, Gose” มันแปลว่าอะไร ??? มันกำลังบอกเราว่าเบียร์กระป๋องนี้ “เปรี้ยว, บ่มต่อในถังไม้ และเป็นเบียร์สไตล์โบราณของเยอรมัน” ฟังดูอาจจะยากหน่อยสำหรับมือใหม่ แต่ไม่ต้องกังวลไปครับ ติดตามอ่านบทความเราไปเรื่อยๆ รับรองว่าไม่นานคุณเข้าใจถึงความหมายแน่นอน พลิกกลับมาดูด้านหลังอันดับแรกที่เราต้องเห็นอย่างแน่นอนคือเรื่องราวหรือแนวคิดในการผลิตเบียร์นั้นๆ ว่าผู้ผลิตคิดอะไรถึงผลิตเบียร์ตัวนี้ออกมาเราแนะนำให้คุณลองอ่านดูนะครับ เรารับรองว่าคุณจะต้องหลงใหลไปกับเรื่องราวเหล่านี้แน่นอน ต่อมาคือระดับของแอลกอฮอล์ จะเป็นตัวบ่งบอกระดับความแรงหรือความเมาที่เบียร์ตัวนี้จะมอบให้คุณ ถัดมาคือส่วนผสมโดยมากก็จะเป็นการบอกประเภทของมอลต์ และฮอปส์ที่ใช้ในเบียร์ มันบ่งบอกได้ถึงกลิ่นและรสชาติของเบียร์ได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น การใช้ฮอปส์ที่ต่างกันก็จะส่งผลถึงกลิ่นที่แตกต่างกันไปของเบียร์ และจะสนุกยิ่งขึ้นหากคุณลองเดากลิ่นและรสชาติก่อนดื่มจากส่วนผสม หากคุณทายถูก แสดงว่าคุณได้ข้ามไปสู่อีกขั้นของนักดื่มเบียร์
ส่วนต่อมาที่เราจะพูดถึงคือ SRM และ IBU โดยข้อมูลทั้ง 2 ตัวนี้ มีผลอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มหันมาลองต้มเบียร์ดื่มเอง โดยเริ่มกันจาก SRM ที่ย่อมาจาก Standard Reference Method หรือค่ามาตรฐานกลางของสีน้ำเบียร์โดยจะมีค่าตั้งแต่ 1-40 ข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้เราพอจะเดาสีของน้ำเบียร์ได้ว่าอ่อนหรือเข้มระดับไหน โดยเลข 1 คือค่าสีที่อ่อนที่สุดเช่น Belgian Wit ส่วน 40 คือเบียร์จำพวก Stout
ต่อมาคือ IBU ที่ย่อมาจาก International Bitterness Unit หรือค่าความขมมาตรฐานสากล โดยจะมีค่าตั้งแต่ 1-150 อันนี้ค่อนข้างมีผลอย่างมากสำหรับนักดื่มที่สนใจเรื่องของความขมเป็นพิเศษ เพราะหากคุณไม่ชอบรสขมๆ ของเบียร์เราแนะนำให้คุณลองจิบเบียร์ที่มีความขมไม่เกิน 40-50 IBU เพราะนั้นคือระดับความขมที่เราเชื่อว่าคุณพอทนได้ แต่สำหรับนักดื่มที่ต้องการเสพรสขมของฮอปส์ คุณต้องมองหาเบียร์ที่มีค่า IBU ซัก 70 ขึ้นไป รับรองว่าคุณจะได้สัมผัสรสขมสมใจแน่นอน
ส่วนสุดท้ายที่เราจะพูดถึงกันนั้นก็คือวันหมดอายุของเบียร์ ซึ่งจะมีคำศัพท์ 4 คำเข้ามาเกี่ยวข้องคือ Best Before,Expired Date, Bottled Date และ Best After ซึ่งเราเชื่อว่าเพื่อนๆหลายคนมีข้อสงสัยในเรื่องของนี้พอสมควร ซึ่งโดยปกติแล้วหลังจากบรรจุลงขวดจะมีอายุอย่างน้อย 12 เดือน แต่ก็ขึ้นอยู่กับขั้นตอนการขนส่งและการจัดเก็บ แต่ในกรณีนี้เราขอพูดถึงเบียร์ที่ถูกส่งและจัดเก็บอย่างมืออาชีพแล้วกัน โดยขอเริ่มที่คำว่า Best Before ซึ่งแปลว่า “คุณภาพจะดีที่สุดก่อนวันนั้นๆ” ซึ่งแปลว่าเบียร์จะไม่เสียทันทีหลังจากวันนั้น ยังพอดื่มต่อได้ แต่คุณภาพและรสชาติจะไม่เหมือนเดิม แต่เราแนะนำว่าหากเบียร์นั้นๆ เกิน Best Before ไปกว่า 30 วัน ก็แนะนำว่าอย่าดื่มเลยครับ หรือหากต้องการดื่มก็ให้ค่อยๆ ดมหรือจิบคำเล็กๆ ก่อนครับ คำต่อมาคือ Expired Date คำนี้ต้องระวังมากกว่าเพราะมันแปลว่า “หลังจากวันนั้นไม่ควรดื่มอีกต่อไป” อันนี้เราแนะนำให้ทิ้งทันทีครับ ห้ามดื่มเด็ดขาด หากดื่มไปแล้วเกิดอะไรขึ้นจะไร้การรับผิดชอบจากผู้ผลิตทันที ต่อมาคือคำว่า Bottled Date ซึ่งแปลว่า “วันบรรจุขวด” อันนี้นับง่ายๆ คือ 12 เดือนครับ หากเกินวันบรรจุขวด 12 เดือนก็จะเข้าสู่ช่วงเลย Best Before เช่นกัน สุดท้ายคำที่เราจะเจอน้อยมากคือ Best after คำนี้มักพบในเบียร์ประเทศ Imperial Stout, Imperial Porter หรือพวก Sour Ale เพราะมันแปลว่า “ดีที่สุดหลังจากวันนั้นๆ” คือทางผู้ผลิตแนะนำให้เราดื่มเบียร์หลังจากวันที่กำหนด เพราะการเก็บเบียร์สไตล์ดังกล่าวจะช่วยทำให้เบียร์กลมกล่อมมากยิ่งขึ้น กลิ่นและรสบางอย่างที่ไม่ดีจะหายหรือจางไป ดังนั้นก่อนเราดื่มเบียร์อย่าลืมมองหาคำศัพท์เหล่านี้ด้วยนะครับ
แต่ก็ไม่ใช่เบียร์ทุกตัวที่จะบอกรายละเอียดครบถ้วน แต่อยากน้อยหากเพื่อนๆรู้พื้นฐานของคำศัพท์ต่างๆที่เราบอกไปอย่างน้อยในการเลือกซื้อเบียร์ครั้งต่อไปของคุณสนุก ได้เบียร์ที่ถูกใจ และมีคุณภาพสมราคาครับ